หนังสือชื่อ : Judas een familiekroniek
ผู้แต่ง : Astrid Holleeder
สำนักพิมพ์ : Lebowski Publishers
ถ้าจะอ่านหนังสือเล่มนี้ให้ “อิน” ต้องจินตนาการถึงคนในครอบครัวของเราน่ะค่ะ ใครสักคนหนึ่งที่เผด็จการ หรือเห็นแก่ตัว — ถ้าอยากได้สิ่งใดแล้วต้องเอาให้ได้ ไม่สนใจคนอื่นว่าจะลำบากอย่างไร — บางครั้้งเราก็ต้องทำให้ทั้งที่ไม่มีความสุข เพราะเกรงใจพ่อแม่เรา พ่อแม่เราขอให้ช่วย หรือเพราะเขาเป็นผู้มีพระคุณเลี้ยงดูเรา ประมาณนี้น่ะค่ะ
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นกับครอบครัว Holleeder ค่ะ ซึ่ง Astrid น้องสาวคนสุดท้องของครอบครัวเป็นคนเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นค่ะ และตั้งชื่อหนังสือว่า “Judas” — Judas นี่เดิมเป็นชื่อของลูกศิษย์ 1 ใน 13 คนของพระเยซูค่ะ ลูกศิษย์ Judas คนนี้ คือคนทรยศที่ทำให้พระเยซูโดนจับ ถูกนำไปตรึงไม้กางเขนในที่สุดน่ะค่ะ …ดังนั้นหนังสือเล่มนี้จึงเป็นเรื่องของ “คนทรยศ” — สำนวนการเขียนคล้ายไดอารี่ หรือบันทึกความทรงจำค่ะ เนื้อเรื่องเป็นเรื่องเล่าในครอบครัว Holleeder ซึ่งไม่เคยมีใครรู้มาก่อนค่ะ จึงทำให้หนังสือเล่มนี้ขายดีมากในเนเธอร์แลนด์
ออกตัวไว้ก่อนนะคะว่า ไม่ได้อ่านภาษาดัตช์เก่งมากถึงขนาดเข้าใจทั้งหมดทุกคำ ดังนั้นจึงมีหลายคำเลยทีเดียวค่ะ ที่เดาๆ บ้าง อ่านข้ามไปบ้าง ดังนั้นอรรถรสในการรีวิวครั้งนี้ คงไม่ดีเท่าเจ้าของภาษา หรือคนที่เก่งด้ตช์มาอ่านนะคะ …แต่อยากเล่าค่ะ เพราะหนังสือเล่มนี้สนุก อ่านเพลินด้วยแรงผลักดันของพลังเผือก คือแบบอยากรู้เรื่องในครอบครัวคนอื่น 555
วัยเด็ก
ไม่น่าแปลกใจเท่าไรค่ะ ที่คนที่โตต่อมากลายเป็นอาชญากรระดับประเทศ จะโตมาจากครอบครัวที่ใช้ความรุนแรง — Willem Holleeder มีพี่น้องทั้งหมด 4 คนค่ะ เรียงตามลำดับคือ Willem, Sonja, Astrid และ Gerard เป็นครอบครัวคนยิวค่ะ มีพ่อทำงานฝ่ายการตลาดที่บริษัทไฮเนเก้น พ่อขี้เหล้า และมักใช้ความรุนแรงกับคนในครอบครัวเสมอๆ โดยเฉพาะกับแม่ของเด็กๆ
และที่น่าสลดคือ แม่ยังคงจงรักภักดีกับพ่อเสมอ ถึงแม้จะถูกทำทารุณขนาดนั้น — ในหนังสือเปิดมาด้วยฉากที่ Willem ไปให้สัมภาษณ์ในรายการทีวีค่ะ และบอกว่าเติบโตมาในครอบครัวที่พ่อทำร้ายร่างกายเขา — ซึ่งแม่กับ Astrid ก็ดูอยู่ด้วยกันที่บ้าน แม่ถึงกับคร่ำครวญว่าไม่จริง พ่อเป็นคนดี พ่อไม่เคยตีลูกเลย — แต่พอเราได้อ่านมาเรื่อยๆ จะพบว่า พ่อตีทุกคนแหละค่ะ บ้าอำนาจ เผด็จการ เป็นผู้ชายเลวๆๆๆ
หรือตอนพ่อตบพี่สาว Sonja แล้ว Astrid เข้าไปช่วย เลยโดนไล่ออกจากบ้าน ตอนนั้น Astrid อายุแค่ 13 ปีเองค่ะ เธอเลยไปขอป้าบ้านตรงข้ามอยู่ แม่กับพี่สาวก็ตามมาอยู่ด้วย — สักพักพ่อมาคร่ำครวญ ขอโทษขอโพย แม่ใจอ่อน ย้ายลูกๆ กลับไปอยู่กับพ่อต่อค่ะ — เห้อ! วงจรความรุนแรงในครอบครัวจริงๆ
หรือตอนที่ผลการเรียนของ Astrid ออกมา และครูบอกว่าเธอควรเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น (Astrid เป็นเด็กเรียนเก่งค่ะ) Astrid ไม่กล้าบอกพ่อ เพราะพ่อเป็นผู้ชายแบบที่คิดว่าผู้หญิงไม่มีสมอง ไม่ควรเรียนสูงๆ น่ะค่ะ ควรอยู่บ้านเลี้ยงลูก — แม่จึงอาสาบอกพ่อเองค่ะ โดยบอกวันหลังจากวันที่พ่อซ้อมแม่หนักๆ วันรุ่งขึ้นพ่อจะเบาลง และจะใจเย็นกว่าเดิมน่ะค่ะ แล้วแม่จึงบอกพ่อเรื่องเรียนของ Astrid พ่อก็เลยไม่ว่าอะไร — คือแม่อาสาเอาตัวเองให้พ่อซ้อม ทำร้ายร่างกาย เพื่อที่ลูกจะได้เรียนสูงๆ โดยพ่อไม่ขัดขวาง
ลักพาตัวไฮเนเก้น
Willem มีเพื่อนชื่อ Cor ค่ะ ซึ่งต่อมา Cor ก็มาแต่งงานกับ Sonja น้องสาวของ Willem นั่นเอง — ในปี 1983 ทั้ง Willem และ Cor รวมกลุ่มกันลักพาตัวเพื่อเรียกค่าไถ่ Freddy Heineken เจ้าของบริษัทเบียร์ไฮเนเก้น — เรียกค่าไถ่เป็นเงินสูงถึง 35 ล้านกิลเดอร์เลยค่ะ (ถ้าเป็นค่าเงินสมัยนี้ก็ราวๆ 16 ล้านยูโรค่ะ)
ในหนังสือ Astrid บรรยายความหลังถึงเหตุการณ์ที่ตำรวจบุกค้นบ้าน แล้วจับเธอกับคนในครอบครัวที่เหลือแยกขัง แยกสอบสวน — คือคนที่เหลือในบ้านไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลยค่ะ
สุดท้ายทั้งแก๊งส์ 5 คนก็โดนจับนะคะ จับได้ติดคุกปี 1987-1992 ซึ่งในหนังสือก็เล่าชีวิตในช่วงนั้นค่ะ ที่คนในครอบครัวต้องเดินทางไปเยี่ยม (ตอนแรกทั้ง Cor และ Willem ถูกจับได้ที่ฝรั่งเศสและติดคุกที่นั่นค่ะ ญาติพี่น้องก็ต้องไปเยี่ยม ต่อมาได้ย้ายมาติดคุกต่อที่เนเธอร์แลนด์)
ส่วนเงินค่าไถ่ ตำรวจตามมาได้ไม่ครบค่ะ หายไป 6 ล้านกิลเดอร์
สังหาร Cor
ตอนนี้จากหนังสือ เราจะเห็นนิสัยของ Willem ชัดขึ้นค่ะ คือเขาเป็นแบบคนโลภ และต้องการเงินๆๆๆ — เทคนิคที่ Willem ใช้คือ ทำเป็นหวังดีมาแจ้งข่าวว่า มีคนปองร้าย จ้องจะฆ่า ให้จ่ายค่าคุ้มครองเสีย — คำแนะนำของ Willem คือให้จ่ายค่าคุ้มครองจะได้ปลอดภัยค่ะ (คล้ายๆ กรรโชกทรัพย์ดีๆ นี่เอง) และถ้าเหยื่อปฏิเสธ…ก็ระวังว่าภัยจะมาถึงตัว
เทคนิคนี้ Willem ใช้กับ Cor พี่เขยของตัวเองค่ะ แต่ Cor ปฏิเสธไม่จ่าย — ผลคือ Cor โดนลอบสังหาร 2 ครั้ง ครั้งแรกในปี 1996 ตอนนั้น Willem อยากได้ส่วนแบ่งในธุรกิจซ่องน่ะค่ะ — แต่โชคดีปีถัดมา 1997 Cor โดนจับติดคุก และถูกปล่อยตัวออกมาปี 2000 — พอปี 2003 Cor ก็โดนลอบฆ่าอีกครั้งค่ะ ครั้งนี้สำเร็จ
หลังจาก Cor ตาย Willem ก็เข้ามาขู่ Sonja น้องสาวตัวเองและภรรยาม่ายของ Cor เพื่อขอส่วนแบ่งในสิทธิ์ที่ Willem คิดว่าเป็นของเขาน่ะค่ะ เช่น ส่วนแบ่งค่าลิขสิทธิ์จากภาพยนตร์ De ontvoering van Alfred Heineken — มิได้นำพาว่า Sonja จะบอกว่าตัวเองไม่มีเงิน ไม่รู้เรื่องธุรกิจอะไรของสามีเลยก็ตาม
ตอนลอบสังหาร Cor ครั้งแรก ไม่มีใครคิดว่า Willem จะเป็นคนฆ่านะคะ แต่พอครั้งที่สองที่ทำสำเร็จ พี่น้องเริ่มสงสัยก็ตอนที่หลังจาก Cor ได้และ Willem มารบเอาเงินๆ — แต่ไม่มีใครกล้าแจ้งตำรวจค่ะ เพราะทุกคนในบ้านกลัว Willem กันหมดเลย
ต่อมาปี 2006 – 2012 Willem ติดคุกอีกรอบค่ะ ในข้อหากรรโชกทรัพย์ Willem Endstra และ Kees Houtman (ทั้งสองคนนี้ถูกฆ่าตายไปแล้วค่ะ ตำรวจสงสัยว่า Willem นั่นแหละเป็นคนบงการฆ่า แต่ไม่มีหลักฐานเอาผิดค่ะ เอาผิดได้แต่ข้อหากรรโชกทรัพย์อย่างเดียว)
ช่วง Willem ติดคุก พี่น้องที่เหลือก็ได้มีเวลาหายใจโล่งอก …แต่พอ Willem ออกมาจากคุก เขาก็กลับมาขู่น้องสาวตัวเองเอาเงินเหมือนเดิม (Willem ไม่ได้ขู่เอาเงินจาก Astrid เพราะเธอมีเงินไม่เยอะค่ะ แต่มักใช้เธอเป็นสะพานหาข่าว หรือติดต่อกับ Sonja หรือเอาข้อความของเขาไปบอกเหยื่อ)
คนทรยศ
เมื่อผู้หญิงถูกทารุณจนถึงจุดที่พวกเธอทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว…
ปี 2013 Astrid ทนไม่ไหว และร่วมกับ Sonja เริ่มติดต่อตำรวจเพื่อให้การเป็นพยานปรักปรำพี่ชายตัวเอง Willem ในข้อหาสังหาร Cor ค่ะ — เธอเริ่มติดอุปกรณ์เทปบันทึกเสียงเวลาสนทนากับพี่ชายค่ะ
งานนี้มี Sandra ซึ่งเป็นแฟนเก่าของ Willem ร่วมด้วยค่ะ แต่บุคคลมันสมองหลักๆ คือ Astrid
ปี 2015 Willem ถูกจับอีกครั้งในข้อหาสังหาร Cor — แต่ไม่ใช่ข้อมูลจากหลักฐานที่สามสาว Astrid, Sonja และ Sandra หามานะคะ — ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงที่ Willem จะหลุดคุก– ด้วยเหตุนี้ Astrid กับ Sonja เลยลักลอบนำอุปกรณ์เทปบันทึกเสียงเข้าเรือนจำ แล้วก็บันทึกเสียงสนทนากับ Willem ค่ะ ในเทป Willem บอกว่า ทำไมเขาถึงไม่กังวลกับคดีนี้ในคราวนี้ เพราะหลักฐานอ่อน พยานที่ปรักปรำเขา เขาไม่เคยรู้จัก ไม่เคยคุยด้วยมาก่อนค่ะ — ส่วนคนที่เป็น lokker หรือคนชี้เป้าในการสังหาร Cor ก็ถูกยิงตายตามกันไปแล้ว!!!
และนี่คือหลักฐานแน่นๆ ที่สามารถมัดตัว Willem ให้ติดคุกในคดีฆาตกรรมได้สำเร็จค่ะ — ในหนังสือบรรยายถึงความรู้สึกของการต้องเป็นพยานให้รัฐ ความไม่ไว้ใจเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะมีตำรวจบางคนเป็นสายให้ Willem ด้วยค่ะ — รวมถึงชีวิตส่วนตัว ผลกระทบของการเป็นพยานครั้งนี้กับงานของเธอ (Astrid ทำงานเป็นทนายความค่ะ) และความรู้สึกส่วนตัวของ Astrid เองที่จำต้องทรยศต่อพี่ชาย ทำให้พี่ชายตัวเองต้องติดคุกตลอดชีวิต
วิจารณ์
คือก่อนที่จะได้อ่านหนังสือเล่มนี้ เคยสงสัยว่าทำไมหลายคนจึงยำเกรงชื่อ Willem Holleeder — พอได้อ่านแล้วเข้าใจเลยค่ะ เขาเป็นคนเจ้าอำนาจ เผด็จการ และมีวิธีการขู่ที่ทำให้เหยื่อกลัว เป็นคนโลภด้วย อยากได้เงินเยอะๆๆๆ และไม่สนใจความรู้สึกของคนอื่นเลย ไม่มีศีลธรรมอะไรเลย พี่เขยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา ก็ยังฆ่าได้ เลือดเย็นมากค่ะ — อะไรที่เขาต้องการ เขาต้องได้!
ส่วน Astrid ก็ทำให้เรื่องมันยุ่งยากขึ้น คือเธอช่วยพี่ชายในเรื่องต่างๆ ทำตามที่พี่ชายสั่ง พยายามประนีประนอม — ถ้าเธอตัดพี่ชายตัวเองให้ขาด ไม่ยุ่งอีกเลยแบบ Gerard น้องชายคนสุดท้อง เรื่องมันคงไม่ยาวนานขนาดนี้
Sonja ก็อ่อนแอ ขี้กลัว หัวอ่อน และต้องขอให้ Astrid ช่วยตลอด เป็นคนกลางกั้นระหว่างเธอกับ Willem — Astrid ก็ไปยุ่งเรื่องของเขา ส่วนครอบครัวตัวเอง ชีวิตคู่ก็ล้มเหลวค่ะ เพราะไม่สามารถเล่าเรื่องในครอบครัวให้แฟนฟังได้ ทำให้เกิดเป็นช่องว่างในชีวิตคู่ขึ้น สุดท้ายก็พัง
แต่สุดท้ายผู้หญิงในชีวิตของ Willem Holleeder ก็ลุกขึ้นสู้กลับ… อาชญากรเลื่องชื่อ ตอนนี้ก็สิ้นชื่ออยู่ในคุกที่ปลอดภัย และเข้มงวดที่สุดในเนเธอร์แลนด์
หนังสือเล่าเรื่องข้ามไปข้ามมานะคะ ไม่ได้เรียงลำดับตามเหตุการณ์ตามเวลา ดังนั้นแนะนำว่าให้อ่านประวัติของ Willem Holleeder ในวิกิพีเดียก่อนคร่าวๆ จะได้เข้าใจลำดับเหตุการณ์ แล้วค่อยมาอ่านหนังสือเล่มนี้ค่ะ ช่วยได้เยอะเลย